ก่อนจะไปกินช้าง – การหาร

บวก ลบ คูณ หาร

เมื่อพูดถึงหารผมมักคิดถึงกระบวนการที่เราหักแบ่ง คล้ายๆ กับเรื่องของเถาองุ่นที่พระเยซูพูดในช่วงสุดท้ายก่อนที่พระองค์จะถูกตรึงตาย องุ่นเป็นไม้เลื้อยก็จะเลื้อยไปเรื่อย ถ้าคุณอยากจะเห็นมันออกผลมากคุณต้องลิดแขนงที่มันไม่ค่อยออกลูกอะไร ยิ่งลิดดูเหมือนเจ็บ แต่มันทำให้เกิดกระบวนการการแตกหน่อออกไปทำให้เกิดผลมาก

เมื่อเราไปถามชาวสวนก็คงไม่มีใครบอกว่าปลูกองุ่นเพื่อให้ได้ใบ แล้วทำยังไงให้มันออกลูก มันอาจต้องละคายเคือง ต้องเจ็บปวดบ้าง ต้องตัดส่วนที่มันไม่ได้เรื่องออกไปบ้าง

เช่นเดียวกันในพระธรรมยอห์นเราเห็นภาพพระเยซูอยู่กับสาวกใกล้ชิด พระองค์ใช้ 7 หมายสำคัญค่อยๆ ลิดวิธิคิดของสาวกที่ไม่ค่อยได้เรื่องได้ราว เช่น

พระองค์เปลี่ยนน้ำเป็นเหล้าองุ่น พระคัมภีร์ตรงนี้บอกว่าพระเจ้าเป็นพระเจ้าที่อยู่เหนือคุณภาพ การทำให้น้ำเป็นเหล้าองุ่นได้ต้องใช้เวลาในการบ่มอยู่นานนะ พระเยซูสามารถให้เอาน้ำใส่โอ่งแล้วตักขึ้นมาเป็นน้ำองุ่นได้เพียงช่วงเวลาแป๊บเดียว แสดงว่าพระองค์เองสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิต หรือเปลี่ยนแปลงใครบางคนให้ดีเลิศได้ ทั้งๆ ที่เป็นน้ำเปล่าๆ พระองค์กำลังบอกเหล่าสาวกว่าพระองค์สามารถเปลี่ยนที่ๆ มันดูเหมือนไม่มีอะไรเลย ให้มีบางสิ่งบางอย่าง เพียงแต่เราต้องจัดการบางสิ่งบางอย่างด้วยตัวเอง พระองค์สามารถเปลี่ยนวิหารที่กำลังเป็นถ้ำของโจรเป็นวิหารแห่งการอธิษฐานนมัสการได้ เพียงแต่ต้องคว่ำโต๊ะก่อน

ถ้าคุณจะเป็นเหล้าองุ่นชั้นดี เป็นชีวิตที่เกิดผลให้คนได้ลิ้มรส ขอพระเจ้าช่วยให้เราคว่ำชีวิตที่ไม่ได้เรื่องได้ราวทิ้ง แล้วพระเจ้าจะเปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่นอย่างดี

พระองค์รักษาลูกชายนายร้อยด้วยระยะทางที่ห่างไกล  หญิงชาวสะมาเรียบอกว่าข้าพเจ้านมัสการที่ภูเขาเกริซิม คนยิวนมัสการที่เยรูซาเล็ม สาวกกำลังถูกลิดว่า จากนี้ไปชาวยิวจะไม่ถูกกำหนดไว้ที่ความคิดที่ว่าต้องนมัสการที่เยรูซาเล็ม ดียิ่งกว่านั้นคือนมัสการที่จิตวิญญาณและความจริง พระองค์อยู่ทุกที่ พระองค์เป็นพระเจ้าเหนือระยะทาง

พระองค์รักษาคนตาบอดแต่กำเนิด สาวกถามว่าคนนี้ตาบอดเพราะบาปของพ่อแม่หรือบาปของตัวเขาเอง พระองค์สำแดงให้เราเห็นว่าไม่ต้องสนใจว่าเกิดมาจะเป็นอย่างไร พระองค์ต้องการสำแดงความเมตตาและความช่วยเหลือ พระองค์เป็นพระเจ้าเหนือโชคชะตา

เราจะเห็นกระบวนการแบบนี้เกิดขึ้นกับสาวกมาตลอดทาง พระองค์กำลังลิดชีวิตสาวกอย่างช้าๆ ผ่านกระบวนการการใช้เวลาด้วยกัน

กระบวนการหารจึงเป็นการที่อาสาสมัครและพี่เลี้ยง ใช้เวลาด้วยกันเป็นระยะเวลายาวนาน เงื่อนไขคือต้องยาวนานพอสมควร ค่อยๆ ลิดพฤติกรรมหรือลักษณะบางอย่างที่อาจจะไม่ใช่เป็นความบาปรุนแรงมากนักเช่น น้องขี้เกียจจังเลย น้องไม่จัดเวลาให้ดีเลย จะสอบอยู่แล้วยังดูซีรีย์เกาหลีอยู่นั่นแหละ ไม่มีพระคัมภีร์ข้อไหนบอกว่าดูซีรีย์เกาหลีเป็นบาป แต่การที่เราสามารถจัดระเบียบตัวเองได้จะมีชีวิตที่เกิดผลมากกว่านี้ เหมือนพระเยซูอยู่กับสาวกแล้วค่อยๆ เปลี่ยนชีวิตสาวกให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

นี่เป็นกระบวนการ บวก ลบ คูณ หาร ที่ YFC เราใช้สร้างสาวกขึ้น ซึ่งเลียนแบบจากพระผู้สร้างนั่นเอง ใครที่อยากขับเคลื่อนพันธกิจนี้ร่วมกัน คุยกันได้ครับ เพื่อจะทำให้กระบวนการนี้เกิดขึ้นในคริสตจักรของท่านเหมือนกัน

ประวิทย์ ศรีวิไลฤทธิ์
ผู้ช่วยผู้อำนวยการ YFC